ที่แรกที่คนตายจะเดินทางไปคือ ความทรงจำ
เมื่อพูดถึงการเสียชีวิตแล้วนั้นเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนไม่สามารถหลีกหนีพ้น ความตายนั้นเราไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าจะเกิดตอนไหน ต่อให้เราใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาทแล้ว แต่คนอื่นประมาทก็อาจจะทำให้เราตายได้เช่นกัน การใช้ชีวิตแต่ละวันของคนเราไม่สามารถคาดเดาได้เลย ฉะนั้นเมื่อตอนยังมีชีวิตอยู่เราควรที่จะหมั่นทำความดี ให้ทาน ทำบุญ ดังนั้นเมื่อตอนเรามีชีวิตอยู่มีแต่คนรัก คนเคารพ ตอนท่านจากไปจะจากไปเพียงแต่ร่างกายเท่านั้น แต่ท่านจะคงย้ายไปอยู่ในความทรงจำ
ตราบใดเสียเราทุกคนก็ต้องตาย แต่ไม่ว่าคนตายหรือคนเป็นทุกคนต่างเป็นหนึ่งในความทรงจำของกันและกันอยู่เสมอ ฉะนั้นแล้วความตายจึงไม่ใช่สิ่งที่ต้องหวาดกลัว แต่เป็นการถูกหลงลืมต่างหากที่เป็นสิ่งน่าหวาดหวั่นและฆ่าได้แม้กระทั่งคนที่ตายไปแล้ว ความตายเป็นเรื่องธรรมดา โดยสัจธรรมแล้วความตายและการสูญเสียย่อมสร้างความเจ็บปวดให้กับผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่แต่เราควรทำใจยอมรับสิ่งที่เรียกว่าความตาย
ความโศกเศร้า ถึงแม้จะเป็นเรื่องปกติที่ต้องเกิดขึ้นหลังมีการสูญเสียคนอันเป็นที่รักไป แต่ความโศกเศร้าก็เป็นสิ่งที่ไม่ได้อยู่กับเราตลอดไป แต่เป็นการจดจำความทรงจำที่เรามีของกันแหละกันต่างหากที่จะคงอยู่ตลอดไป จดจำเรื่องราวที่ได้เคยผ่านทุกข์ผ่านสุขด้วยกันมา เหตุการณ์ที่เคยได้ใช้ชีวิตร่วมกันมา แน่นอนว่าความทรงจำเหล่านี้ต้องใช้เวลาในการเลือนลางและจางหายไป เมื่อเกิดการตายขึ้น เค้าก็จากไปเพียงร่างกาย แต่คงเหลือไว้ความทรงจำ
เมื่อเวลาผ่านไปคนที่อยู่ก็คงยังต้องดำเนินชีวิตต่อไป ใช้ชีวิตแบบปกติทุกวันอาจจะมีเรื่องราวต่าง ๆ เข้ามาในชีวิตให้ได้คิดมากมาย ยังคงออกไปทำงาน ยังคงทานข้าว ยังคงไปเดินเล่น เวลาผ่านไปแล้วหลาย ๆ ปี จนอาจจะทำให้ความทรงจำเกี่ยวกับผู้ตายได้มีความเลือนลางและจางหายไปในที่สุดนั้นแหละ จึงถือได้ว่า คนตายได้ตายไปจริง ๆ นั่นเป็น “ สัญญาณแห่งการจากลาอย่างแท้จริงไม่มีใครจดจำเขาได้อีกแล้ว ไม่ว่าคนเป็นหรือคนตาย ”
แต่โดยวัฒนธรรมไทยนั้นเมื่อมีเทศกาลก็จะนำรูปของผู้เสียชีวิตมารดน้ำในวันสงกรานต์ หรือปีใหม่ไทย สรงน้ำพระที่บ้าน เราจึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชน ทำความสะอาดบ้าน ห้องพระ หิ้งพระในบ้าน และทำพิธีสรงน้ำพระพุทธรูป และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในบ้าน เพื่อความเป็นสิริมงคล โดยขั้นตอนง่าย ๆ ดังต่อไปนี้
1. ก่อนเชิญพระพุทธรูป หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพ ควรกล่าวคำขอขมา ดังนี้
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ 3 จบ
“ระตะนัตตะเย ปะมาเทนะ ทะวาระตะเยนะ กะตัง สังพัง อะปะราธัง ชะมะตุ โน ภันเต”
กายกรรม 3 วจีกรรม 4 มโนกรรม 3 ที่ข้าพเจ้า (ชื่อนามสกุล-บ้านเลขที่) ได้ประมาทพลาดพลั้งในพระรัตนตรัย ด้วยความตั้งใจก็ดี ไม่ตั้งใจก็ดี ต่อหน้าก็ดี ลับหลังก็ดี ขอพระรัตนตรัยได้โปรดยกโทษให้ข้าพเจ้าด้วยเถิด
2. นำพระพุทธรูป และสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาทำความสะอาดเสียก่อน
3. หลังทำความสะอาดเสร็จแล้ว นำพระพุทธรูป และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มาวางไว้ที่ถาดรองชั่วคราว
4. ปรุงเครื่องหอม ดอกไม้ น้ำปรุง น้ำอบ กับน้ำสะอาด
5. ก่อนสรงน้ำพระพุทธรูป ควรสวดมนต์ดังนี้
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ 3 จบ
“อิมินา สิญจะเนเนวะ โรโค โสโก อุปัททะโวนิพพันตุ สัพพะโส เอเต สุขี โหนตุ นิรันตะรัง”
ด้วยการสรงน้ำนี้ ขอทุกข์โศกโรคภัยทั้งหลาย จงดับหายมลายสิ้น ขอให้ข้าพเจ้า (ชื่อนามสกุล-บ้านเลขที่) และบุคคลผู้เป็นที่รักทั้งหลาย จงเป็นผู้มีความสุขตลอดกาลนานเทอญ จากนั้นก็อธิษฐานขอพรต่าง ๆ
6. เมื่อนำพระพุทธรูป และสิ่งศักดิ์สิทธ์กลับขึ้นหิ้ง ก็สามารถสวดมนต์ตามที่เคยสวด เช่น อิติปิโส ชัยมงคลคาถา หรือ พาหุง ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร และคาถาชินบัญชร ก็ตามสะดวก เพื่อเป็นสิริมงคลกับตัวเองและคนในครอบครัว ถือเป็นการเสร็จพิธีการสรงน้ำพระที่บ้าน
ทาง Sasi Coffin ก็ให้บริการทางด้าน หีบศพ โลงศพ การฉีดยารักษาสภาพศพ การเคลื่อนย้ายศพ การดูแลและให้บริการหลังความตายแบบครบบวงจร ถ้าท่านต้องการปรึกษาหรือเกิดข้อสงสัย สามารถเข้ามาดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ www.sasicoffin.com หรือ ปรึกษาสอบถามเราได้ที่ 0615695694 ได้ตลอด 24 ชม.
Built with Mobirise
Free Offline Web Page Builder